Geeno
|
หัวข้อ :ไปมาแล้ว เกาะรอก สนุกมากเยอยอ่ะคับ
27/10/2008
, 15:36
Quote
พวกเรากว่า 40 ชีวิต ออกเดินทางโดยรถบัสจาก จ.นนทบุรีตอนเย็นวันที่ 22 ต.ค 51 ถึงเ้ช้าวันที่ 23 พบกับคุณหมีที่หน้าสถาีนีรถไฟ จ .ตรัง จากนั้นพาไปกินติ๋มซำ ที่ร้านเรือนไทย อร่อยมากๆ ขอบอก เลยกินซะเต็มที่เลย พวกเราเดินทางถึงท่าเรือปากเมงประมาณ 8 โมงครึ่ง ทีมงานช่วยกันขนสัมภาระลงเรือกันอย่างขยันขันแข็ง ออกจากท่าเรือปากเมงเดินทางสู่ถ้ำมรกต เช้านี้คนเที่ยวน้อย เรือนำเที่ยวก้อไม่มาก ทำให้เรารู้สึกเหมือนเป็นเจ้าของถ้ำเลย ทีมงานคุณหมีพาพวกเราเข้าไปในถ้ำอย่างทุลักทุเลพอสมควร เพราะว่าทุกคนมัวแต่ตะลึงในความแปลกของถ้ำเลยไม่ค่อยช่วยกันว่ายน้ำ ปล่อยให้ทีมงานลากกันอย่างเดียว กว่าจะถึงในถ้ำเล่นเอาทีมงานถึงกับลิ้นห้อยเลย 555 พวกเราถ่ายรูป เล่นน้ำ เพลินกับความสวยงามของถ้ำพักหนึ่ง พวกเราก้อออกจากถ้าเพราะฝนเริ่มตก พอออกมาถึงปากถ้ำมรกตปรากฎว่าฝนตก ลมก้อแรง พวกเราเลยรีบขึ้นเรือแล้วรีบเดินทาง ต่อไปยังเกาะเชือก ระหว่างทางทีมงานเสริฟแตงโมชิ้นใหญ่ๆให้พวกเรา กินแล้วชื่นใจหายเหนื่อย ซึ่งเมื่อเรือมาถึงเกาะเชืือก แดดออกคับ ไม่มีคลื่นเพราะว่าเรือจอดหลบอยู่หลังเกาะ พวกเราเลยลงดำดูปะการังกันพักใหญ่ ที่นี่น้ำใสมาก ปะการังที่เราเห็นส่วนใหญ่เป็นปะการังเขากวาง ปลาเยอะมากคับ ตอนเอาขนมปังให้ ปลามากันเป็นฝูงเลย แถมยังกัดหูผมอีก คงนึกว่าเป็นขนมปังมั๊ง เรากินข้าวกลางวันกันบนเรือ เป็นข้าวกล่องที่ใหญ่มาก แถมด้วยไข่ต้มอีกหนึ่งฟอง พวกเรากินกันแทบไม่หมด ต่อจากนั้นเราเดินทางไปดำดูปะการังที่เกาะม้า ที่นั้นทีมงานพาเราไปดูปะการังอ่อนใต้โขดหิน สวยมากคับ ธรรมชาตินี่ช่างสร้างสรรค์จริงๆ ต่อจากนั้นเราเดินทางไปยังเกาะรอกซึ่งใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง ระหว่างทางเจอคลื่นแรงพอสมควร ทำเอาพวกเราบางคนถึงกับแย่เลย แต่ทุกคนก้อหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อเรือเดินทางมาถึงเกาะรอก ซึ่งที่นี่น้ำใสมากๆ ขนาดตรงทุนจอดเรือ ความลึกประมาณ 20 เมตร(เค้าบอกอ่ะ) ยังมองเห็นพื้นทรายกับแนวปะการังที่อยู่ข้างล่างเลย เรือเล็กเข้ามาเทียบเพื่อขนคนและสัมภาระต่างๆ เข้าไปยังเกาะรอก เมื่อเราได้ลงจากเรือเล็ก เหยียบพื้นทรายบนเกาะ เสมือนเหยียบลงไปบนแป้ง เพราะทรายที่เกาะรอกนั้นละเอียดขาว สะอาด ตัดกับสีของน้ำทะเลสีฟ้าใสเหมือนแก้วนั้น สวยงามจนบรรยายไม่ถูกอยากให้มาเห็นด้วยตัวเอง ป่าอันสมบูรณ์บนเกาะประกอบด้วยต้นไม้หลากหลายชนิด ทั้งใหญ่ เล็ก ปะปนกัน ทำให้เกิดร่มไม้ทั่วทั้งเกาะ รวมไปถึงชายหาด เราพบกับปูเสฉวน จำนวนมาก ทั้งตัวเล็ก ตัวใหญ่ ทำตัวเหมือนเป็นเจ้าหน้าที่ต้อนรับทุกคนที่มาเยือน พวกเราเก็บสัมภาระของตนเองเข้าพักบ้านพักอุทยานฯ ซึ่งเราเข้าพักทั้งหมด 4 หลัง หลังละ 4 ห้องนอน มีเครื่องนอน ห้องน้ำ พร้อมสรรพ ระเบียงห้องพักหันหน้าเข้าสู่ทะเล ทำให้เห็นวิวได้ทุกห้อง ด้านหน้าของบ้านพักเป็นร่มไม้ใหญ่หลายๆ ต้น และเป็นชายหาดสีขาวนวลตัดกับแนวร่มไม้สีเข้า และทะเลสีฟ้าใส จากหาดทราย มองเห็นแนวปะการังสีเข้มที่อยู่ใต้น้ำ กระจายอยู่ทั่ว เมื่อพวกเราจัดเก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้ว บางคนรวมทั้งเด็กๆ อดใจไม่ไหว ต้องลงไปเล่นน้ำ บางคนคว้าหน้ากากและสน๊อกเกิล ดำน้ำ ไปดูปลาและปะการังที่อยู่ตรงหน้า แนวปะการังหน้าเกาะรอกในนั้นมีความหลากหลายทางชีวภาพมาก ที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ทั้งปะการัง ดอกไม้ทะเล ฝูงปลาหลากหลายชนิด หนอนพู่ฉัตรหลายสีที่อาศัยอยู่บนปะการังโขด หอยมือเสือ ฯลฯ เราจบวันแรกของการเดินทางไปเกาะรอก หลังจากที่เรากินอาหารมือเย็น ที่มีปลาเป็นหลัก ทั้งผัด ทั้งต้มยำ อร่อยสุดบรรยาย และเข้าพักผ่อนในบ้านพัก ส่วนบางคนขอให้ทีมงานช่วยพาออกไปตกปลา ซึ่งหนึ่งในทีมงานของคุณหมี ชื่อปอนด์ เป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องการตกปลาเป็นอย่างมาก ได้พาพวกเราออกไปตกปลายังจุดที่ปอนด์ได้เคยสำรวจไว้ ซึ่งพวกเราก้อมิได้ผิดหวัง ถึงแม้ฝนจะโปรยปรายลงมา พวกเราก้อยังได้ปลามาทำอาหารในรอบดึกอีกกว่า 10 ตัว
พวกเรากว่า 40 ชีวิต ออกเดินทางโดยรถบัสจาก จ.นนทบุรีตอนเย็นวันที่ 22 ต.ค 51 ถึงเ้ช้าวันที่ 23 พบกับคุณหมีที่หน้าสถาีนีรถไฟ จ .ตรัง จากนั้นพาไปกินติ๋มซำ ที่ร้านเรือนไทย อร่อยมากๆ ขอบอก เลยกินซะเต็มที่เลย พวกเราเดินทางถึงท่าเรือปากเมงประมาณ 8 โมงครึ่ง ทีมงานช่วยกันขนสัมภาระลงเรือกันอย่างขยันขันแข็ง ออกจากท่าเรือปากเมงเดินทางสู่ถ้ำมรกต เช้านี้คนเที่ยวน้อย เรือนำเที่ยวก้อไม่มาก ทำให้เรารู้สึกเหมือนเป็นเจ้าของถ้ำเลย ทีมงานคุณหมีพาพวกเราเข้าไปในถ้ำอย่างทุลักทุเลพอสมควร เพราะว่าทุกคนมัวแต่ตะลึงในความแปลกของถ้ำเลยไม่ค่อยช่วยกันว่ายน้ำ ปล่อยให้ทีมงานลากกันอย่างเดียว กว่าจะถึงในถ้ำเล่นเอาทีมงานถึงกับลิ้นห้อยเลย 555 พวกเราถ่ายรูป เล่นน้ำ เพลินกับความสวยงามของถ้ำพักหนึ่ง พวกเราก้อออกจากถ้าเพราะฝนเริ่มตก พอออกมาถึงปากถ้ำมรกตปรากฎว่าฝนตก ลมก้อแรง พวกเราเลยรีบขึ้นเรือแล้วรีบเดินทาง ต่อไปยังเกาะเชือก ระหว่างทางทีมงานเสริฟแตงโมชิ้นใหญ่ๆให้พวกเรา กินแล้วชื่นใจหายเหนื่อย ซึ่งเมื่อเรือมาถึงเกาะเชืือก แดดออกคับ ไม่มีคลื่นเพราะว่าเรือจอดหลบอยู่หลังเกาะ พวกเราเลยลงดำดูปะการังกันพักใหญ่ ที่นี่น้ำใสมาก ปะการังที่เราเห็นส่วนใหญ่เป็นปะการังเขากวาง ปลาเยอะมากคับ ตอนเอาขนมปังให้ ปลามากันเป็นฝูงเลย แถมยังกัดหูผมอีก คงนึกว่าเป็นขนมปังมั๊ง เรากินข้าวกลางวันกันบนเรือ เป็นข้าวกล่องที่ใหญ่มาก แถมด้วยไข่ต้มอีกหนึ่งฟอง พวกเรากินกันแทบไม่หมด ต่อจากนั้นเราเดินทางไปดำดูปะการังที่เกาะม้า ที่นั้นทีมงานพาเราไปดูปะการังอ่อนใต้โขดหิน สวยมากคับ ธรรมชาตินี่ช่างสร้างสรรค์จริงๆ ต่อจากนั้นเราเดินทางไปยังเกาะรอกซึ่งใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง ระหว่างทางเจอคลื่นแรงพอสมควร ทำเอาพวกเราบางคนถึงกับแย่เลย แต่ทุกคนก้อหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อเรือเดินทางมาถึงเกาะรอก ซึ่งที่นี่น้ำใสมากๆ ขนาดตรงทุนจอดเรือ ความลึกประมาณ 20 เมตร(เค้าบอกอ่ะ) ยังมองเห็นพื้นทรายกับแนวปะการังที่อยู่ข้างล่างเลย เรือเล็กเข้ามาเทียบเพื่อขนคนและสัมภาระต่างๆ เข้าไปยังเกาะรอก เมื่อเราได้ลงจากเรือเล็ก เหยียบพื้นทรายบนเกาะ เสมือนเหยียบลงไปบนแป้ง เพราะทรายที่เกาะรอกนั้นละเอียดขาว สะอาด ตัดกับสีของน้ำทะเลสีฟ้าใสเหมือนแก้วนั้น สวยงามจนบรรยายไม่ถูกอยากให้มาเห็นด้วยตัวเอง ป่าอันสมบูรณ์บนเกาะประกอบด้วยต้นไม้หลากหลายชนิด ทั้งใหญ่ เล็ก ปะปนกัน ทำให้เกิดร่มไม้ทั่วทั้งเกาะ รวมไปถึงชายหาด เราพบกับปูเสฉวน จำนวนมาก ทั้งตัวเล็ก ตัวใหญ่ ทำตัวเหมือนเป็นเจ้าหน้าที่ต้อนรับทุกคนที่มาเยือน พวกเราเก็บสัมภาระของตนเองเข้าพักบ้านพักอุทยานฯ ซึ่งเราเข้าพักทั้งหมด 4 หลัง หลังละ 4 ห้องนอน มีเครื่องนอน ห้องน้ำ พร้อมสรรพ ระเบียงห้องพักหันหน้าเข้าสู่ทะเล ทำให้เห็นวิวได้ทุกห้อง ด้านหน้าของบ้านพักเป็นร่มไม้ใหญ่หลายๆ ต้น และเป็นชายหาดสีขาวนวลตัดกับแนวร่มไม้สีเข้า และทะเลสีฟ้าใส จากหาดทราย มองเห็นแนวปะการังสีเข้มที่อยู่ใต้น้ำ กระจายอยู่ทั่ว เมื่อพวกเราจัดเก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้ว บางคนรวมทั้งเด็กๆ อดใจไม่ไหว ต้องลงไปเล่นน้ำ บางคนคว้าหน้ากากและสน๊อกเกิล ดำน้ำ ไปดูปลาและปะการังที่อยู่ตรงหน้า แนวปะการังหน้าเกาะรอกในนั้นมีความหลากหลายทางชีวภาพมาก ที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ทั้งปะการัง ดอกไม้ทะเล ฝูงปลาหลากหลายชนิด หนอนพู่ฉัตรหลายสีที่อาศัยอยู่บนปะการังโขด หอยมือเสือ ฯลฯ เราจบวันแรกของการเดินทางไปเกาะรอก หลังจากที่เรากินอาหารมือเย็น ที่มีปลาเป็นหลัก ทั้งผัด ทั้งต้มยำ อร่อยสุดบรรยาย และเข้าพักผ่อนในบ้านพัก ส่วนบางคนขอให้ทีมงานช่วยพาออกไปตกปลา ซึ่งหนึ่งในทีมงานของคุณหมี ชื่อปอนด์ เป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องการตกปลาเป็นอย่างมาก ได้พาพวกเราออกไปตกปลายังจุดที่ปอนด์ได้เคยสำรวจไว้ ซึ่งพวกเราก้อมิได้ผิดหวัง ถึงแม้ฝนจะโปรยปรายลงมา พวกเราก้อยังได้ปลามาทำอาหารในรอบดึกอีกกว่า 10 ตัว
|
Geeno
|
ความคิดเห็นที่ 17
27/10/2008
, 17:31
Quote
เหมือนปลาพลาสติกเลยอ่ะ พี่เอ๋
เหมือนปลาพลาสติกเลยอ่ะ พี่เอ๋
|
Geeno
|
ความคิดเห็นที่ 16
27/10/2008
, 17:29
Quote
คนอื่นตกได้ปลา แล้วทามมัยเราม่ายได้บ้างอ่ะ
คนอื่นตกได้ปลา แล้วทามมัยเราม่ายได้บ้างอ่ะ
|
Geeno
|
ความคิดเห็นที่ 15
27/10/2008
, 16:26
Quote
อดใจม่ายไหว ขอลงดำดูก่อนแล้วกัน
อดใจม่ายไหว ขอลงดำดูก่อนแล้วกัน
|
Geeno
|
ความคิดเห็นที่ 14
27/10/2008
, 16:24
Quote
แนวปะการังเกาะรอกนอก
|
Geeno
|
ความคิดเห็นที่ 13
27/10/2008
, 16:23
Quote
Geeno เองคับ
Geeno เองคับ
|
Geeno
|
ความคิดเห็นที่ 12
27/10/2008
, 16:22
Quote
เจอคุณปวีณา ทองสุข นักยกน้ำหนักเหรียญทองโอลิมปิค เลยขอถ่ายรูปด้วยซะหน่อย
เจอคุณปวีณา ทองสุข นักยกน้ำหนักเหรียญทองโอลิมปิค เลยขอถ่ายรูปด้วยซะหน่อย
|
Geeno
|
ความคิดเห็นที่ 11
27/10/2008
, 16:20
Quote
อึดอัดมั๊ย...น้า
|
Geeno
|
ความคิดเห็นที่ 10
27/10/2008
, 16:18
Quote
เกาะรอกอยู่ข้างหน้าคับ
|
Geeno
|
ความคิดเห็นที่ 9
27/10/2008
, 16:17
Quote
คุณหมีกับพวกเรา
|
Geeno
|
ความคิดเห็นที่ 8
27/10/2008
, 16:15
Quote
แหกตาสามัคคีที่ถ้ำมรกต
|
Geeno
|
ความคิดเห็นที่ 7
27/10/2008
, 17:13
Quote
|
Geeno
|
ความคิดเห็นที่ 6
27/10/2008
, 16:12
Quote
|
Geeno
|
ความคิดเห็นที่ 5
27/10/2008
, 15:44
Quote
|
Geeno
|
ความคิดเห็นที่ 4
27/10/2008
, 15:43
Quote
|
Geeno
|
ความคิดเห็นที่ 3
27/10/2008
, 15:39
Quote
พวกเราส่งคุณหมีและทีมงานทุกคนที่นี่ โดยหวังว่าวันข้างหน้าพวกเราจะมารบกวนทีมงานนี้อีก พวกเราทุกคนขอขอบคุณในความตั้งใจของคุณหมีและทีมงาน ที่ตั้งใจและเต็มใจดูแลและบริการพวกเราอย่างเต็มความสามารถ ซึ่งพวกเราทุกคนรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการดูแลและบริการอันอบอุ่นนี้ จะส่งผลให้คุณหมีและทีมงานมีความแข็งแกร่ง ก้าวหน้าต่อไปในอนาคต จากใจของพวกเราครอบครัวชาวบริษัท บางกอกเอ็นจิเนียริ่ง แอนด์แมชชินเนอรี จำกัด
พวกเราส่งคุณหมีและทีมงานทุกคนที่นี่ โดยหวังว่าวันข้างหน้าพวกเราจะมารบกวนทีมงานนี้อีก พวกเราทุกคนขอขอบคุณในความตั้งใจของคุณหมีและทีมงาน ที่ตั้งใจและเต็มใจดูแลและบริการพวกเราอย่างเต็มความสามารถ ซึ่งพวกเราทุกคนรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการดูแลและบริการอันอบอุ่นนี้ จะส่งผลให้คุณหมีและทีมงานมีความแข็งแกร่ง ก้าวหน้าต่อไปในอนาคต จากใจของพวกเราครอบครัวชาวบริษัท บางกอกเอ็นจิเนียริ่ง แอนด์แมชชินเนอรี จำกัด
|
Geeno
|
ความคิดเห็นที่ 2
27/10/2008
, 15:38
Quote
วันที่สาม(25 ต.ค. 51) ชุดตกปลาตื่นขึ้นมา แล้วออกเรือไปตกปลาแต่เช้า ซึ่งเค้าว่ากันว่าตอนเช้าปลาจะกินดี พวกเราก้อเลยออกมาตกปลากัน ประมาณ 6 โมงครึ่ง อันที่จริงนัดไว้ ตี5 แต่กว่าจะรวมตัวกันได้ 6 โมง ตามคนขับเรือกับปอนด์อีกร่วมครึ่งชั่วโมง เพราะไม่รู้ว่าไปนอนที่ไหน เมื่อตามปอนด์เจอแล้ว ก้อไม่พูดพล่ามทำเพลง เอาเป็นว่ารู้กันว่าจะออกไปตกปลาแล้ว ปอนด์กระโดดลงจากเปล ล้างหน้าแล้วไปที่เรือพร้อมคนขับเรือทันที เรือเล็กแล่นไปยังร่องน้ำระหว่างเกาะรอกนอกกับเกาะรอกใน พวกเรารีบจัดการปล่อยเบ็ดที่เตรียมไว้ทันที่ที่เรือลงสมอเสร็จ ชั่วครู่ปลาเริ่มกินเบ็ด คันที่1 คันที่2 ตามลำดับ เพียงแค่ไม่ถึง 1 ชั่วโมงพากเราได้ปลามาอีก 10 กว่าตัว ปลากินเบ็ดอยู่ 2 คัน จากทั้งหมด 6 คัน เนื่องจากทั้ง 2 คัน สามารถเหวี่ยงเบ็ดเข้าไปในจุดที่มีปลาได้ แต่คันอื่นตกอยู่ข้างเรือ รวมทั้งเดชไอ้ด้วนที่หักไปเมื่อวานด้วย แต่บางคันก้อตกไปติดปะการัง บางคันได้เฉพาะลิ้นปลาเก๋า แต่ไม่ได้ตัวปลามา สักพักหนึ่งพวกเรากลับเข้ามากินข้าวต้มที่โรงอาหารของอุทยานฯ แล้วเตรียมเก็บสัมภาระเพื่อเดินทางกลับฝั่ง เมื่อทุกคนนำสัมภาระมารวมกันที่ชายหาดเรียบร้อยแล้ว พวกเราทุกคนก้อรวมตัวกันที่ป้ายอุทยานฯเพื่อเก็บภาพเป็นที่ระลึกก่อนเดินทางกลับ พวกเราต่างมองดูทราย มองดูน้ำ และบรรยากาศอีกครั้ง โดยมิรู้เมื่อไหร่จะได้มาเยือนที่นี่อีก แต่ถ้ามีโอกาสพวกเราจะกลับมาเยือนที่นี่อย่างแน่นอน จากนั้นเมื่อพวกเราขึ้นเรือใหญ่เรียบร้อยแล้ว คุณหมี ได้พาพวกเราไปชมน้ำตกที่ด้านหลังของเกาะรอกนอก โดยน้ำตกที่ว่านี้เป็นน้ำตกพิเศษ ที่ไหลจากยอดเขาตกสู่ทะเลตรงๆ ซึ่งในประเทศไทยคงมีที่นี่ที่เดียว และต้องเป็นช่วงที่มีฝนเท่านั้น ซึ่งความสวยงามเมื่อมองจากเรือนั้น สวยงามเหมือนไม่ได้อยู่ที่เมืองไทย ซึ่งภาพแบบนี้เป็นภาพที่เราเห็นในภาพยนตร์สารคดีท่องเที่ยวในทีวีเสียเป็นส่วนใหญ่ เราเก็บภาพไว้ในความทรงจำพักหนึ่งจึงออกเดินทางมายังเกาะกระดาน ระหว่างทางเราเห็นพายุฝนตามหลังเรามาติดๆ ไต๋เรือก้อพยายามเร่งความเร็วของเรือเพื่อให้ถึงเกาะกระดานก่อนที่พายุฝนจะมาถึง พวกเราใกล้ถึงเกาะกระดานแล้ว ลมเริ่มแรงขึ้น คลื่นก้อเริ่มแตกหัว เม็ดฝนเริ่มตกแล้ว ทุกคนต่างลุ้นให้ถึงเกาะกระดานโดยเร็ว ซึ่งก้อเรียกว่าเฉียดฉิว พวกเราถึงเกาะกระดานพอดีกับที่พายุฝนมาถึง ไต๋นำเรือเข้ามาหลบด้านหลังเกาะ ปล่อยให้ทุกคนลงดำน้ำดูปะการังกันต่อ ส่วนบางคนที่ไม่ลงก้อทานอาหารกลางวันบนเรือ ซึ่งวันนี้เป็นข้าวกล่องใหญ่อีกแล้ว กินเกือบไม่หมดทุกที แนวปะการังที่เกาะกระดานมีลักษณะเป็นหน้าผา มีแนวลดเอียงลงมาแล้วตัดเป็นหน้าผาลึก แตกต่างจากที่เกาะรอก มีแม่นทะเลอยู่มากมาย บางคนเห็นกุ้งมังกรที่นี่ พวกเราชมปะการังพร้อมทานอาหารเรียบร้อยแล้ว ไต๋เรือได้ขับเรือกลับสู่ปากเมง ในระหว่างที่เรือพ้นเกาะกระดานไปนั้น พายุฝน และลมได้กระหน่ำอีกครั้ง จนไต๋ต้องขับเรืออ้อมเกาะมุกเพื่อหลบคลื่น แต่ก่อนที่จะถึงเกาะมุกก้อเล่นเอาพวกเราเสี่ยวจนวินาทีสุดท้าย เรือโคลงเคลงไปมาตามระลอกคลื่น แต่เห็นทีมงานของคุณหมีไม่รู้สึกตื่นเต้น พวกเราก้อเรารู้สึกอุ่นใจขึ้นมาเล็กๆ ว่าคงเป็นเรื่องปกติกระมัง แต่พวกเรามิได้สัมผัสอยู่ประจำก้อเลยอดเสียวไม่ได้ เรือเดินทางมาถึงท่าเรือปากเมงอย่างปลอดภัย ประมาณบ่าย 3 โมงครึ่ง พวกเราก้าวขึ้นบันไดท่าเรือด้วยความสบายใจ บางคนถอนหายใจ บางคนกวาดตามองไปรอบๆ เพื่อเก็บความรู้สึกก่อนเดินทางกลับ แต่ความรู้สึกที่ยังโคลงเคลงในเรือยังติดตามมากับความรู้สึกอีกเป็นชั่วโมงกว่าจะหาย ไม่ว่าจะยืน เดิน หรือนั่งก้อยังโคลงเคลง พวกเราขึ้นรถบัสเดินทางเข้าไปซื้อของฝากในตัวเมืองตรัง ส่วนใหญ่ที่นิยมซื้อก้อเป็นเค้กเมืองตรังที่แสนอร่อย พวกเราเหมาซื้อกันแทบหมดร้าน
วันที่สาม(25 ต.ค. 51) ชุดตกปลาตื่นขึ้นมา แล้วออกเรือไปตกปลาแต่เช้า ซึ่งเค้าว่ากันว่าตอนเช้าปลาจะกินดี พวกเราก้อเลยออกมาตกปลากัน ประมาณ 6 โมงครึ่ง อันที่จริงนัดไว้ ตี5 แต่กว่าจะรวมตัวกันได้ 6 โมง ตามคนขับเรือกับปอนด์อีกร่วมครึ่งชั่วโมง เพราะไม่รู้ว่าไปนอนที่ไหน เมื่อตามปอนด์เจอแล้ว ก้อไม่พูดพล่ามทำเพลง เอาเป็นว่ารู้กันว่าจะออกไปตกปลาแล้ว ปอนด์กระโดดลงจากเปล ล้างหน้าแล้วไปที่เรือพร้อมคนขับเรือทันที เรือเล็กแล่นไปยังร่องน้ำระหว่างเกาะรอกนอกกับเกาะรอกใน พวกเรารีบจัดการปล่อยเบ็ดที่เตรียมไว้ทันที่ที่เรือลงสมอเสร็จ ชั่วครู่ปลาเริ่มกินเบ็ด คันที่1 คันที่2 ตามลำดับ เพียงแค่ไม่ถึง 1 ชั่วโมงพากเราได้ปลามาอีก 10 กว่าตัว ปลากินเบ็ดอยู่ 2 คัน จากทั้งหมด 6 คัน เนื่องจากทั้ง 2 คัน สามารถเหวี่ยงเบ็ดเข้าไปในจุดที่มีปลาได้ แต่คันอื่นตกอยู่ข้างเรือ รวมทั้งเดชไอ้ด้วนที่หักไปเมื่อวานด้วย แต่บางคันก้อตกไปติดปะการัง บางคันได้เฉพาะลิ้นปลาเก๋า แต่ไม่ได้ตัวปลามา สักพักหนึ่งพวกเรากลับเข้ามากินข้าวต้มที่โรงอาหารของอุทยานฯ แล้วเตรียมเก็บสัมภาระเพื่อเดินทางกลับฝั่ง เมื่อทุกคนนำสัมภาระมารวมกันที่ชายหาดเรียบร้อยแล้ว พวกเราทุกคนก้อรวมตัวกันที่ป้ายอุทยานฯเพื่อเก็บภาพเป็นที่ระลึกก่อนเดินทางกลับ พวกเราต่างมองดูทราย มองดูน้ำ และบรรยากาศอีกครั้ง โดยมิรู้เมื่อไหร่จะได้มาเยือนที่นี่อีก แต่ถ้ามีโอกาสพวกเราจะกลับมาเยือนที่นี่อย่างแน่นอน จากนั้นเมื่อพวกเราขึ้นเรือใหญ่เรียบร้อยแล้ว คุณหมี ได้พาพวกเราไปชมน้ำตกที่ด้านหลังของเกาะรอกนอก โดยน้ำตกที่ว่านี้เป็นน้ำตกพิเศษ ที่ไหลจากยอดเขาตกสู่ทะเลตรงๆ ซึ่งในประเทศไทยคงมีที่นี่ที่เดียว และต้องเป็นช่วงที่มีฝนเท่านั้น ซึ่งความสวยงามเมื่อมองจากเรือนั้น สวยงามเหมือนไม่ได้อยู่ที่เมืองไทย ซึ่งภาพแบบนี้เป็นภาพที่เราเห็นในภาพยนตร์สารคดีท่องเที่ยวในทีวีเสียเป็นส่วนใหญ่ เราเก็บภาพไว้ในความทรงจำพักหนึ่งจึงออกเดินทางมายังเกาะกระดาน ระหว่างทางเราเห็นพายุฝนตามหลังเรามาติดๆ ไต๋เรือก้อพยายามเร่งความเร็วของเรือเพื่อให้ถึงเกาะกระดานก่อนที่พายุฝนจะมาถึง พวกเราใกล้ถึงเกาะกระดานแล้ว ลมเริ่มแรงขึ้น คลื่นก้อเริ่มแตกหัว เม็ดฝนเริ่มตกแล้ว ทุกคนต่างลุ้นให้ถึงเกาะกระดานโดยเร็ว ซึ่งก้อเรียกว่าเฉียดฉิว พวกเราถึงเกาะกระดานพอดีกับที่พายุฝนมาถึง ไต๋นำเรือเข้ามาหลบด้านหลังเกาะ ปล่อยให้ทุกคนลงดำน้ำดูปะการังกันต่อ ส่วนบางคนที่ไม่ลงก้อทานอาหารกลางวันบนเรือ ซึ่งวันนี้เป็นข้าวกล่องใหญ่อีกแล้ว กินเกือบไม่หมดทุกที แนวปะการังที่เกาะกระดานมีลักษณะเป็นหน้าผา มีแนวลดเอียงลงมาแล้วตัดเป็นหน้าผาลึก แตกต่างจากที่เกาะรอก มีแม่นทะเลอยู่มากมาย บางคนเห็นกุ้งมังกรที่นี่ พวกเราชมปะการังพร้อมทานอาหารเรียบร้อยแล้ว ไต๋เรือได้ขับเรือกลับสู่ปากเมง ในระหว่างที่เรือพ้นเกาะกระดานไปนั้น พายุฝน และลมได้กระหน่ำอีกครั้ง จนไต๋ต้องขับเรืออ้อมเกาะมุกเพื่อหลบคลื่น แต่ก่อนที่จะถึงเกาะมุกก้อเล่นเอาพวกเราเสี่ยวจนวินาทีสุดท้าย เรือโคลงเคลงไปมาตามระลอกคลื่น แต่เห็นทีมงานของคุณหมีไม่รู้สึกตื่นเต้น พวกเราก้อเรารู้สึกอุ่นใจขึ้นมาเล็กๆ ว่าคงเป็นเรื่องปกติกระมัง แต่พวกเรามิได้สัมผัสอยู่ประจำก้อเลยอดเสียวไม่ได้ เรือเดินทางมาถึงท่าเรือปากเมงอย่างปลอดภัย ประมาณบ่าย 3 โมงครึ่ง พวกเราก้าวขึ้นบันไดท่าเรือด้วยความสบายใจ บางคนถอนหายใจ บางคนกวาดตามองไปรอบๆ เพื่อเก็บความรู้สึกก่อนเดินทางกลับ แต่ความรู้สึกที่ยังโคลงเคลงในเรือยังติดตามมากับความรู้สึกอีกเป็นชั่วโมงกว่าจะหาย ไม่ว่าจะยืน เดิน หรือนั่งก้อยังโคลงเคลง พวกเราขึ้นรถบัสเดินทางเข้าไปซื้อของฝากในตัวเมืองตรัง ส่วนใหญ่ที่นิยมซื้อก้อเป็นเค้กเมืองตรังที่แสนอร่อย พวกเราเหมาซื้อกันแทบหมดร้าน
|
Geeno
|
ความคิดเห็นที่ 1
27/10/2008
, 15:37
Quote
วันที่สอง(24 ต.ค. 51) ตื่นเช้าขึ้นมา พวกเราจัดแจงกับภารกิจส่วนตัวกันเสร็จสรรพ มารวมตัวกันที่โรงอาหารประมาณ 7 โมงครึ่ง มีทั้งข้าวต้มปลา+ปลาหมึก ชา กาแฟ พร้อมเสริฟ ให้พวกเราได้กินกันตอนเช้า ซึ่งทีมงานได้ช่วยกันชง ช่วยกันเสริฟอย่างเต็มที่ หลังจากที่พวกเราอิ่มหน่ำใจ แล้วก้อลงเรือเล็กเพื่อไปขึ้นเรือใหญ่ โดยวันนี้คุณหมี บอกกับพวกเราว่าเช้านี้จะพาไปดำน้ำดูปะการังที่เกาะรอกนอก ซึ่งไม่ห่างจากที่พักนั้น พอไปถึงทีมงานต่างเตรียมตัว เปลี่ยนชุด Wet Suit พร้อมหน้ากาก ตีนกบ ลงน้ำไปก่อน แล้วจากนั้นพวกเราก้อลงตามๆกันไป โดยให้ทีมงานของคุณหมี รวมทั้งคุณหมีเป็นผู้นำทุกคนชมปะการังใต้น้ำ ปะการังที่เกาะรอกนอกนนั้น เป็นปะการังก้อนขนาดใหญ่ มีปะการังสมอง ปะการังจาน ปะการังผักกาด และปะการังเขากวาง ดอกไม้ทะเล ปลานกแก้ว ปลาวัว ปลาโนรี ปลาผีเสื้อคอขาว ปลาการ์ตูน ปลาสลิดหิน ปลาเก๋า รวมทั้งกุ้งมังกรด้วย(เค้าบอกอีกแหละ) เราดำน้ำกันได้สักพัก เมฆฝนก้อมาบดบังแสงอีกแล้ว พร้อมด้วยลมและฝนโปรยปรายอย่างต่อเนื่อง พวกเรากลับขึ้นเรือ แล้วเปลี่ยนที่ดำน้ำมายังหน้าเกาะรอกใน ทั้งที่ฝนยังโปรยอยู่ พวกเราตัดสินใจลงไปดำน้ำ ชมความงามของปะการังพร้อมๆกับสายฝน ซึ่งก้อให้ความรู้สึกที่แปลกไปอีกแบบ เพราะว่าโดยทั่วๆไปการดำผิวน้ำหรือ Skin Diving นั้น หลังจะร้อนมากเพราะถูกแดดเผา แต่ครั้งนี้ เย็นมากเพราะเม็ดฝนที่ตกใส่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก้อมิได้ทำให้ความสวยงามของปะการังลดลง ตามโปรแกรมแล้ววันนี้เราต้องดำน้ำชมความงามของปะการังที่เกาะรอกอีกหลายจุด แต่ด้วยสายฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องทำให้เราต้องตัดสินใจเข้าฝั่ง เพื่อทานอาหารกลางวัน ซึ่งก้อมีข้าวผัดปลากับปลาหมึก และต้มยำปลา กับผลไม้ทั้งแตงโมและสับปะรด ทานเสร็จทุกคนต่างแยกย้ายกันไปตามอัธยาศัย บางคนก้อคว้าอุปกรณ์ดำน้ำดูปะการังต่อ ที่หน้าบ้านพัก บางคนออกไปตกปลา บางคนก้อไปพักผ่อน ส่วนคนที่ชอบกินเหล้าต่างรวมตัวกันไปเอาโต๊ะพลาสติกลงไปวางไว้ในทะเล พร้อมอุปกรณ์การดื่มครบครัน ลงไปวาง สร้างบรรยากาศการร่ายสุราที่แปลกไปมิใช่น้อย ทีมที่ออกไปตกปลาต่างเปลี่ยนจุกตกไปเรื่อยๆ เพื่อให้ได้ปลาตามที่ตั้งใจ บางจุดที่ตกนั้นลึกกว่า 25 เมตร ซึ่งปอนด์บอกว่ามีปลาเก๋าไซ้ด์ใหญ่ แต่สายสมอของเรือเล็กหย่อนไปไม่ถึง จึงต้องเลื่อนจุดเข้ามาใกล้เกาะอีกนิด แต่ก้อไม่ผิดหวัง ปลาเก๋าไซ้ด์ใหญ่ที่ว่าได้ฉวยกินเยื่อทันทีที่หย่อนลงไปจากเบ็ดคันแรก แต่เสียดายที่ว่าเบ็ดแต่ละคันที่เตรียมไปไม่สามารถรองรับกับแรงของปลาขนาดนี้ได้ ทำให้หลายคันถูกปลาลากลงไปจนติดหิน และบางคันถึงกับหักจนเป็นเดชไอ้ด้วนต่อมา เมื่อคันเบ็ดทุกคัน ต่างถูกฝูงปลาเก๋าไซ้ด์ใหญ่ปลดอาวุธหมด เราเลยต้องเลื่อนจุดตกมาหาปลาที่มีขนาไซด์เล็กลงหน่อย เพราะว่าตัวเบ็ดและตะกั่วถ่วงเริ่มหมด ถ้าขืนต่อกรกับปลาไซด์ใหญ่มีหวังอุปกรณ์หมดเกลี้ยงไม่มีเหลือให้ตกต่อแน่ เย็นวันนี้เราได้ปลาที่ตกมาเผากิน นอกเหนือจากอาหารที่ทีมงานเตรียมไว้อีกประมาณ 20 ตัว ซึ่งมื้อเย็นของวันนี้มีทั้งปลาทอด ฉู่ฉี่ปลา และผลไม้ ให้เราทานกันอย่างเต็มที่ ส่วนมื้อดึกเราจะทานปลาที่เราตกมาได้ต่อ หลังจากทานเสร็จฝนเจ้ากรรม ก้อดันตกเสียอย่างหนักจนทุกคนเริ่มถอดใจกับอาหารมื้อดึกที่เตรียมไว้ แต่สุดท้ายฝนก้อไม่สามารถหยุดยั้งความตั้งใจของทีมร่ายสุราได้ ต่างทยอยตามกันมาร่ายสุราและอาหารท่ามกลางเสียงฝนจนทุกอย่างเกลี้ยงตามที่ตั้งใจจึงแยกย้ายกันเข้านอน
วันที่สอง(24 ต.ค. 51) ตื่นเช้าขึ้นมา พวกเราจัดแจงกับภารกิจส่วนตัวกันเสร็จสรรพ มารวมตัวกันที่โรงอาหารประมาณ 7 โมงครึ่ง มีทั้งข้าวต้มปลา+ปลาหมึก ชา กาแฟ พร้อมเสริฟ ให้พวกเราได้กินกันตอนเช้า ซึ่งทีมงานได้ช่วยกันชง ช่วยกันเสริฟอย่างเต็มที่ หลังจากที่พวกเราอิ่มหน่ำใจ แล้วก้อลงเรือเล็กเพื่อไปขึ้นเรือใหญ่ โดยวันนี้คุณหมี บอกกับพวกเราว่าเช้านี้จะพาไปดำน้ำดูปะการังที่เกาะรอกนอก ซึ่งไม่ห่างจากที่พักนั้น พอไปถึงทีมงานต่างเตรียมตัว เปลี่ยนชุด Wet Suit พร้อมหน้ากาก ตีนกบ ลงน้ำไปก่อน แล้วจากนั้นพวกเราก้อลงตามๆกันไป โดยให้ทีมงานของคุณหมี รวมทั้งคุณหมีเป็นผู้นำทุกคนชมปะการังใต้น้ำ ปะการังที่เกาะรอกนอกนนั้น เป็นปะการังก้อนขนาดใหญ่ มีปะการังสมอง ปะการังจาน ปะการังผักกาด และปะการังเขากวาง ดอกไม้ทะเล ปลานกแก้ว ปลาวัว ปลาโนรี ปลาผีเสื้อคอขาว ปลาการ์ตูน ปลาสลิดหิน ปลาเก๋า รวมทั้งกุ้งมังกรด้วย(เค้าบอกอีกแหละ) เราดำน้ำกันได้สักพัก เมฆฝนก้อมาบดบังแสงอีกแล้ว พร้อมด้วยลมและฝนโปรยปรายอย่างต่อเนื่อง พวกเรากลับขึ้นเรือ แล้วเปลี่ยนที่ดำน้ำมายังหน้าเกาะรอกใน ทั้งที่ฝนยังโปรยอยู่ พวกเราตัดสินใจลงไปดำน้ำ ชมความงามของปะการังพร้อมๆกับสายฝน ซึ่งก้อให้ความรู้สึกที่แปลกไปอีกแบบ เพราะว่าโดยทั่วๆไปการดำผิวน้ำหรือ Skin Diving นั้น หลังจะร้อนมากเพราะถูกแดดเผา แต่ครั้งนี้ เย็นมากเพราะเม็ดฝนที่ตกใส่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก้อมิได้ทำให้ความสวยงามของปะการังลดลง ตามโปรแกรมแล้ววันนี้เราต้องดำน้ำชมความงามของปะการังที่เกาะรอกอีกหลายจุด แต่ด้วยสายฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องทำให้เราต้องตัดสินใจเข้าฝั่ง เพื่อทานอาหารกลางวัน ซึ่งก้อมีข้าวผัดปลากับปลาหมึก และต้มยำปลา กับผลไม้ทั้งแตงโมและสับปะรด ทานเสร็จทุกคนต่างแยกย้ายกันไปตามอัธยาศัย บางคนก้อคว้าอุปกรณ์ดำน้ำดูปะการังต่อ ที่หน้าบ้านพัก บางคนออกไปตกปลา บางคนก้อไปพักผ่อน ส่วนคนที่ชอบกินเหล้าต่างรวมตัวกันไปเอาโต๊ะพลาสติกลงไปวางไว้ในทะเล พร้อมอุปกรณ์การดื่มครบครัน ลงไปวาง สร้างบรรยากาศการร่ายสุราที่แปลกไปมิใช่น้อย ทีมที่ออกไปตกปลาต่างเปลี่ยนจุกตกไปเรื่อยๆ เพื่อให้ได้ปลาตามที่ตั้งใจ บางจุดที่ตกนั้นลึกกว่า 25 เมตร ซึ่งปอนด์บอกว่ามีปลาเก๋าไซ้ด์ใหญ่ แต่สายสมอของเรือเล็กหย่อนไปไม่ถึง จึงต้องเลื่อนจุดเข้ามาใกล้เกาะอีกนิด แต่ก้อไม่ผิดหวัง ปลาเก๋าไซ้ด์ใหญ่ที่ว่าได้ฉวยกินเยื่อทันทีที่หย่อนลงไปจากเบ็ดคันแรก แต่เสียดายที่ว่าเบ็ดแต่ละคันที่เตรียมไปไม่สามารถรองรับกับแรงของปลาขนาดนี้ได้ ทำให้หลายคันถูกปลาลากลงไปจนติดหิน และบางคันถึงกับหักจนเป็นเดชไอ้ด้วนต่อมา เมื่อคันเบ็ดทุกคัน ต่างถูกฝูงปลาเก๋าไซ้ด์ใหญ่ปลดอาวุธหมด เราเลยต้องเลื่อนจุดตกมาหาปลาที่มีขนาไซด์เล็กลงหน่อย เพราะว่าตัวเบ็ดและตะกั่วถ่วงเริ่มหมด ถ้าขืนต่อกรกับปลาไซด์ใหญ่มีหวังอุปกรณ์หมดเกลี้ยงไม่มีเหลือให้ตกต่อแน่ เย็นวันนี้เราได้ปลาที่ตกมาเผากิน นอกเหนือจากอาหารที่ทีมงานเตรียมไว้อีกประมาณ 20 ตัว ซึ่งมื้อเย็นของวันนี้มีทั้งปลาทอด ฉู่ฉี่ปลา และผลไม้ ให้เราทานกันอย่างเต็มที่ ส่วนมื้อดึกเราจะทานปลาที่เราตกมาได้ต่อ หลังจากทานเสร็จฝนเจ้ากรรม ก้อดันตกเสียอย่างหนักจนทุกคนเริ่มถอดใจกับอาหารมื้อดึกที่เตรียมไว้ แต่สุดท้ายฝนก้อไม่สามารถหยุดยั้งความตั้งใจของทีมร่ายสุราได้ ต่างทยอยตามกันมาร่ายสุราและอาหารท่ามกลางเสียงฝนจนทุกอย่างเกลี้ยงตามที่ตั้งใจจึงแยกย้ายกันเข้านอน
|